จับตาเทคโนโลยีดิจิตอลในปี 2014 มีอะไรอัพเดท!!
ในปี 2013 ที่ผ่านไปนับได้ว่าเป็นปีแห่งเทคโนโลยีดิจิตอลโดยแท้ เพราะเป็นปีที่เราได้เห็นเทคโนโลยีการสื่อสารเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นในทุกด้าน สังเกตได้จากคนรอบตัว คนในครอบครัว ที่เปลี่ยนใจหันมาใช้เครื่องมือทันสมัยในการติดต่อหากันมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การชุมนุมทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าเครือข่ายโซเชียลเน็ตเวิร์คเข้ามามีบทบาทในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ทำให้สามารถเฮมวลชนได้มากอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน กล่าวว่าได้ว่า หากการชุมนุมเมื่อปี 2535 เรียกว่าม็อบมือถือ การชุมนุมในปี 2556 ก็อาจเรียกได้ว่าม็อบโซเชียลมีเดีย
ปรากฏการณ์การใช้สื่อใหม่ที่กล่าวมาเป็นผลมาจากโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารสมัยใหม่ได้รับการพัฒนามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น 3G อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง Wi-Fi ฟรีตามสถานที่ต่างๆ และทีวีดิจิตอลในเมืองไทยที่เริ่มจะมา ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานจะมีผลต่อการรับรู้ข้าวสารของประชาชน ตลอดจนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาคุณภาพสูงและราคาไม่แพงมีการวางตลาดมากขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้น่าติดตามต่อไปว่าแนวโน้มเทคโนโลยีไอทีในปี 2014 จะเป็นอย่างไร และจะเข้ามาเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตของเราได้มากน้อยเพียงใด
อุปกรณ์สื่อสารอิเล็คทรอนิกหลากหลายจอภาพ “Multiscreen”
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่เราใช้ๆ กันอยู่ในปัจจุบันสามารถแบ่งออกได้เป็น คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือ Notebook, SmartPhone, Tablet และ SmartTV ซึ่งทั้งหมดมีจุดประสงค์ที่เหมือนกันอย่างหนึ่งคือ เชื่อมต่อเข้าสู่โลกออนไลน์ได้ ได้มีการวิเคราะห์ว่า พฤติกรรมการบริโภคสื่อข้ามไปมาระหว่างอุปกรณ์ทั้ง 4 ชนิดนี้ จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจบนเว็บไซต์ ในปี 2014 ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสาร การเขียน content โดยผู้บริโภค ตลอดจนการซื้อขายสินค้าและบริการ สิ่งที่ผู้ประกอบกาต้องเตรียมรับมือก็คือ ปริมาณการใช้งานข้อมูลสารสนเทศบนเครือข่ายไร้สายที่จะเพิ่มมากขึ้น แพลตฟอร์มต่างๆ ต้องมีการปรับเปลี่ยนส่วนติดต่อผู้ใช้งานให้ใช้งานได้ราบรื่น ไม่ว่าผู้บริโภคจะใช้งานผ่านอุปกรณ์ลักษณะใดก็ตาม
แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้บริโภคจะหันไปใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาในการเข้าถึงเนื้อหาบนโลกออนไลน์มากขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ผู้ประกอบการควรจะทิ้งสื่อเดิมอย่าง TV ไปเสียเลยทีเดียว เพราะพฤติกรรมมัลติสกรีนของผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงเป็นไปในรูปแบบ Multitasking ที่จะดูโทรทัศน์ไปด้วยขณะที่ใช้งานสมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์ทำงานอื่นที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่กำลังรับชม จึงหมายความว่า ผู้ผลิตยังพอมีโอกาสสร้างเนื้อหารายการให้มีความน่าสนใจพอที่จะดึงสายตาคนดูกลับมาสู่จอโทรทัศน์ได้อีกครั้ง หรือไม่เช่นนั้นก็ต้องหาช่องทางในการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชมผ่านทางหน้าจอที่กำลังถืออยู่ในมือ
กำเนิดใหม่โซเชียลมีเดีย
Snapchat แอพยอดฮิตสุดกร่าง ลั่นไม่่ยอมให้ Facebook ซื้อกิจการ
เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมส่วนใหญ่ในช่วงที่ผ่านมามักจะเน้นการให้บริการแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการอัพเดต status โพสต์รูป และ content ต่างๆ หรือแชร์ข้อความต่างๆ เช่น Facebook ผู้ที่จะอยู่รอดได้ต้องมีการพัฒนาลูกเล่นใหม่ๆ เพิ่มเติมเข้าไปตลอดเวลา ไม่ว่าจะด้วยการคิดค้นขึ้นมาเองหรือหยิบยืมมาจากคู่แข่ง และมีพื้นฐานการใช้งานมาจากบนเว็บไซต์ กล่าวคือต้องใช้งานผ่านทาง Browser บน PC จึงจะสามารถใช้งานได้ทุกฟังก์ชั่น อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของบริการลักษณะนี้ก็คือ หากมีการเพิ่มฟังก์ชั่นเข้าไปมากเกินก็จะเพิ่มความซับซ้อนในการใช้งาน อีกทั้งการที่บริการเหล่านี้พัฒนามาจากพื้นฐานการใช้งานบน PC ยังขัดกับแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภคที่นับวันจะพึ่งพาแต่อุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพามากขึ้น จึงเกิดช่องว่างให้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์เฉพาะทาง เกิดขึ้นใหม่มากมาย จุดเด่นของบริการเหล่านี้คือ เน้นให้บริการเฉพาะด้านใดด้านหนึ่ง เช่น ส่งข้อความหากันอย่าง Line หรือ WhatsApp หรืออัพโหลดภาพ Instagram และ Snapchat อีกทั้งได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้งานกับอุปกณ์คอมพิวเตอร์พกพาเท่านั้น และมอบทางเลือกในการรักษาความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้มากขึ้น
กรณีศึกษาที่น่าสนใจใหญ่เมื่อเร็วๆ นี้ก็คือ การที่ Snapchat เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ให้ผู้ใช้ส่งภาพถ่ายที่จะลบตัวเองโดยอัตโนมัติเมื่ออีกฝ่ายดู ปฏิเสธการเข้าซื้อกิจการโดย Facebook เพราะเห็นได้ชัดว่าทางผู้พัฒนาเล็งเห็นอนาคตอันสดใสของเครือข่ายสังคมออนไลน์ยุคหน้าที่เคารพในความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ สอดรับกับพฤติกรรมของวัยรุ่นซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่มีแนวโน้มเป็นพวกชอบเปิดเผยตัวเองมากขึ้น โดยเฉพาะผ่านทางภาพถ่ายจนเกิดศัพท์ใหม่ที่เรียกว่า “Selfie” ในขณะเดียวกันก็มีรายงานว่า Facebook เริ่มสูญเสียกลุ่มผู้ใช้งานที่เป็นวัยรุ่นไปไม่น้อยเช่นกัน โดยมีรายงานระบุถึงสาเหตุว่า พ่อแม่ พี่ป้า น้าอา ปู่ย่า ตายายของพวกเขาหันมาใช้ Facebook นั่นเอง (ไม่อยากโซเชียลด้วยหรือเปล่า ฮา) ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่กำหนดแนวโน้มเครือข่ายสังคมออนไลน์ในปี 2014 จึงไม่ได้เป็นผู้เล่นรายใหญ่อย่างเดียวอีกต่อไป แต่ยังมีรายย่อยอื่นที่สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้งานเฉพาะทาง ใช้งานสะดวกรวดเร็ว และเน้นรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้นั่นเอง
อุปกรณ์เทคโนโลยีแบบสวมใส่ Wearable Devices
เทคโนโลยีที่คาดว่าจะมาแรงในปีนี้อีกหนึ่งตัว และเริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นแล้วนั่นก็คืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์สวมใส่ได้ ซึ่งปัจจุบันสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทคือ แว่นตา สายรัดข้อมือ และนาฬิกาข้อมือ
แว่นตาไฮเทค Google Glass ที่ได้รับการบุกเบิกโดย Google ซึ่งได้ทำนายว่าภายในปี 2018 จะมีอุปกรณ์ลักษณะนี้วางขายถึง 21 ล้านหน่วยต่อปี แต่อุปสรรคที่ต้องผ่านไปให้ได้นั่นก็คือ ราคาขาย เพราะด้วยราคาที่ Google ตั้งไว้ที่ 1,500 เหรียญสหรัฐ ราว 48,000 บาท นั้นถือว่าสูงมาก อีกทั้งผู้ผลิตยังต้องพัฒนาเครื่องมือที่เอื้อต่อการพัฒนาแอพพลิเคชั่นเพิ่ม รวมทั้งโอกาสและช่องทางในการหารายได้ด้วย เพราะจากการใช้งานที่ต้องสวมใส่อยู่ตลอดเวลานั้นจะให้โฆษณาโผล่อยู่ตลอดเวลาคงไม่เป็นผลดีแน่ เพราะสิ่งที่แว่นตาแตกต่างจากอุปกรณ์สวมใส่อื่นก็คือ สามารถเห็นได้ชัดเจนและส่งผลต่อภาพลักษณ์ของผู้สวมใส่ได้ ที่ผ่านมา Google Glass ได้รับการครหาว่าเป็นของเล่นของพวกเด็กแพทย์ ใส่แล้วดูเหมือนหุ่นยนต์จากนิยายวิทยาศาสตร์มากกว่าจะนำมาใช้ประโยชน์ได้จริง นอกจากนั้นก็ยังมีปัญหาในเรื่องความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัยขณะใช้งานด้วย
สายรัดข้อมือไฮเทคที่มักใช้เพื่อตรวจจับกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น ปริมาณแคลอรี่ถูกเผาผลาญไปเท่าไหร่ ประสิทธิภาพในการนอนหลับดีไหม และการออกกำลังกายเป็นอย่างไร ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันก็เช่น ผู้ผลิตอุปกรณ์ออกกำลังกายอย่าง Nike เป็นต้น สาเหตุสำคัญที่ทำให้ได้รับความนิยมก็คือ ราคาที่สมเหตุสมผล ใช้งานง่าย กลมกลืนไปกับชีวิตประจำวันจนผู้ใช้ไม่ต้องฝืนความรู้สึก สามารถติดตามผลได้ผ่านทาง SmartPhone หรือในแอพพลิเคชั่น และสามารถแบ่งปันข้อมูลร่วมกันผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์
สุดท้ายนาฬิกาข้อมือไฮเทคก็เป็นอีกหนึ่งในอุปกรณ์สวมใส่ที่คาดว่าจะมาแรงในปีนี้ โดยที่ผ่านมาก็ได้มีการเปิดตัวไปบ้างแล้วจากค่ายชั้นนำอย่าง Sony และ Samsung แต่อุปกรณ์ดังกล่าวในปัจจุบันยังต้องเผชิญกับความท้าทายในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมที่ยังไม่ดีพอ แบตเตอรี่ที่ยังใช้งานได้ไม่นานนักต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง รวมทั้งคุณประโยชน์ที่อาจจะยังไม่ชัดเจนนัก และยังต้องทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟน
ทั้งหมดที่กล่าวไป อาจไม่ใช่นวัตกรรมที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นไปเสียทีเดียว แต่มั่นใจว่าในปี 2014 นี้เราจะสามารถสังเกตเห็นปรากฏการณ์ดังกล่าวได้อย่างชัดเจนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจากตัวเราเองที่มีพฤติกรรมสลับเปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆ เป็นต้น หรือเพื่อนของเราที่อาจเลิกเล่น Facebook แล้วหันไปใช้บริการอย่างอื่น หรือคนใกล้ตัวที่รักสุขภาพพากันสวมใส่อุปกรณ์ต่างๆ ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนตามร่างกาย ทั้งหมดนี้อาจไม่เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่ไม่แน่ว่ากว่าเราจะรู้ตัวคนที่อยู่รอบเราอาจเปลี่ยนไป เหมือนที่ทุกวันนี้คนรุ่นพ่อของเราหันมาเล่น Social network มากขึ้นก็เป็นได้
You may also like
ค้นหาข่าวสารที่คุณสนใจได้ที่นี่
เรื่องล่าสุด
- ระวัง! “Nudify” แอป AI ลบเสื้อผ้าได้ ใช้เปลื้องผ้าผู้คนจากภาพถ่าย!! 29 ธันวาคม, 2023
- หลังจาก YouTube แบน Ad Blocker หลายคน Uninstall แต่หลายคน Install เยอะขึ้น 21 พฤศจิกายน, 2023
- Apple กำลังพัฒนา Search Engine เป็นของตัวเอง จะสู้ Google ได้หรือไม่! 5 ตุลาคม, 2023
- Facebook เปิดตัวโลโก้ใหม่ เปลี่ยนจนที่ใครๆต้องร้องว้าว! 25 กันยายน, 2023
- YouTube บล็อคไม่ให้เล่นคลิปแล้ว หากใช้ Ad Blocker กีดกันโฆษณาบนเบราว์เซอร์ 18 กันยายน, 2023
Facebook Comments