Facebook กำลังเกิดวิกฤตใหญ่อีกครั้งหนึ่ง เมื่อมีกลุ่มสิทธิพลเมืองหลายกลุ่มในสหรัฐฯ ได้ร่วมกันสร้างแคมเปญ Stop Hate for Profit เพื่อร่วมกันกดดัน Facebook แก้ไขปัญหาที่แพลตฟอร์มเต็มไปด้วยการสร้าง hate speech ที่นำไปสู่การสร้างคำพูดที่แสดงถึงความเกลียดชัง ความรุนแรง ข่าวฉาวต่างๆ รวมถึงการจัดการเนื้อหาที่ไม่ถูกต้อง และเรียกร้องให้แบรนด์หยุดซื้อพื้นที่โฆษณาบน Facebook
ซึ่งจริงๆ การสร้าง hate speech บน Facebook นั้นก็เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ที่มารุนแรงมากขึ้นในตอนนี้นั้น ก็เกิดมาจากการตายของ George Floyd และกรณีที่ Facebook นิ่งเฉยต่อโพสต์คุกคามผู้ประท้วงของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ลบออก และไม่แปะป้ายเตือนว่าเป็นเนื้อหารุนแรง ซึ่งต้องบอกเลยว่าแคมเปญ Stop Hate for Profit นั้นได้ผลอย่างมาก เพราะตอนนี้พบว่ามีแบรนด์กว่า 400 แบรนด์ที่ออกมาแบนการลงโฆษณาใน Facebook แล้ว เช่น The North Face, Goodby Silverstein, BMW, HP, PayPal, Pepsi, Doritos, Adobe, Patagonia, REI, Coca-Coala และ Unilever
ล่าสุด Facebook เริ่มทนกระแสการแบนไม่ไหว จึงได้ทำการออกแคมเปญเตือนผู้ใช้งานเกี่ยวกับข่าวลวง หรือ Fake news โดยการเพิ่มคำถาม 3 ข้อ ให้ผู้ใช้ถามตนเองก่อนที่จะลงโฆษณา เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ตรวจสอบข้อมูลและเนื้อหาที่กำลังอ่าน เพื่อให้ได้รับความถูกต้องมากขึ้น ได้แก่
- ข้อมูลมาจากที่ไหน โดย Facebook ยึดจากความเชื่อถือของแหล่งข้อมูล ให้ค้นหาว่าข้อมูลมาจากที่ไหน
- สิ่งที่ขาดหายไป เพื่อต้องการเข้าถึงเรื่องราวทั้งหมดไม่ใช่เพียงหัวข้อ เพราะรูปภาพอาจตกแต่งขึ้นมา และตรวจสอบว่าผู้ใช้คนอื่นตอบสนองอย่างไร
- คุณรู้สึกอย่างไร โดย Facebook บอกว่าผู้ที่สร้างเนื้อหาปลอมมักจะเล่นกับความรู้สึก เนื้อหาดูดีเกินกว่าที่จะเป็นความจริง
โดย Facebook ระบุว่า เราต้องการให้ผู้ใช้มีเครื่องมือในการตัดสินความถูกต้องของข้อมูลในออนไลน์และรู้ที่มาของข้อมูล ทุกคนสามารถหยุดการแพร่กระจายของข้อมูลที่เป็นอันตรายได้ การสละเวลาสักครู่ในการพิจารณาช่วยป้องกันการเข้าใจผิดปกป้องคนใกล้ตัว เพื่อน และครอบครัวได้ นอกจากนี้ ยังบอกอีกว่ามีเนื้อหามากมายถูกส่งเข้ามายัง Facebook และทางแพลตฟอร์มก็มีการลบเนื้อหาเกลียดชังอยู่ตลอด แต่ในบางครั้งการตรวจจับเนื้อหาเกลียดชังนั้นก็มีความยากอยู่เหมือนกัน
Credit : socialmediatoday
Facebook Comments