เทคนิค โพสต์ขายของใน IG อย่างไรให้ยอดขายถล่มทลาย?
เมื่อพูดถึง instagram หลายคนอาจนึกถึงแอพพลิเคชันที่เอาไว้ถ่ายรูปเล่น เซลฟี่เรียกยอดไลค์ อวดของกิน หรือส่องดาราก็แค่นั้น น้อยคนนักที่จะนึกออกว่า “มันก็เป็นแหล่งสร้างรายได้เข้ากระเป๋าได้ด้วย” ซึ่งในปัจจุบัน Instagram เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์ม Social Media ที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้ทั่วโลก โดยมีผู้ใช้ต่อเดือนมากถึง 700 ล้านคน และ 60% ของผู้ใช้จะค้นหาสินค้า หรือแบรนด์ต่างๆ ใน Instagram อีกด้วย ส่วนทางฝั่งแบรนด์ มีผลวิจัยระบุว่า การโพสต์คอนเท้นต์ใน Instagram จะมี Engagement มากกว่า Facebook และ Twitter ถึง 4% ทว่า ตอนนี้มีนักการตลาดเพียง 36% ที่เลือกใช้ Instagram เป็นช่องทางการทำตลาด
ซึ่งช่องทางการค้าขายใน Instagram เหมาะอย่างยิ่งกับธุรกิจเสื้อผ้า, เครื่องประดับ, อาหารคลีน, ข้าวกล่องเดลิเวอรี่, อาหารเสริม, กล้องฟิล์ม, gadgetต่างๆ หรือสินค้าที่เป็นเทรนด์ในวัยรุ่น โดยเจ้า Instagram เป็นแอพพลิเคชันนี้ไม่ซับซ้อนมาก เพียงแค่คนดูเห็นภาพก็ตัดสินใจซื้อแล้ว ที่สำคัญก็คือแอพพลิเคชันนี้ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น อะไรที่เป็นแฟชัน อะไรที่เป็นกระแส จึงซื้อง่าย ขายคล่อง ได้เงินเร็วอย่างไม่น่าแปลกใจ แต่ทั้งนี้ การจะใช้ Instagram ให้ประสบความสำเร็จนั้น นอกจากภาพต้องสวยแล้ว องค์ประกอบอื่นๆก็ต้องดีด้วย ซึ่งวันนี้เรามีวิธีสร้างสรรค์แคปชั่นให้โดนใจ ให้ยอดขายถล่มทลาย มาดูกันว่าคุณจะนำไปปรับใช้ได้อย่างไรบ้าง
1. วางแผนและตั้งเป้าหมาย ไม่ว่าจะทำอะไรสิ่งสำคัญที่ต้องมีคือ เป้าหมาย คุณต้องกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น ภาพต้องการสื่อถึงอะไร แคปชั่นจะบอกรายละเอียดในเรื่องใดบ้าง คอนเท้นต์ชิ้นต่อไปจะมีเนื้อหาอย่างไร มีการกำหนดวันและเวลาโพสต์ ต้องทำคอนเท้นต์ล่วงหน้า เพื่อให้มีเวลาทำคอนเท้นต์ชิ้นต่อไป และพยายามเลือกช่วงเวลาที่มีคนเห็นมากที่สุด เพื่อให้คอนเท้นต์ชิ้นนั้นไม่เสียเปล่า
2. จัดองค์ประกอบศิลป์สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว พูดง่าย ๆ ก็คือ รู้จักการจัดวางสินค้าให้ถ่ายรูปออกมาแล้วสวย น่ามอง น่าซื้อ หรืออาจจะครีเอท Mood & Tone หรือที่เราเรียกว่าการคุมโทน เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับผู้ใช้ในแพลตฟอร์มนี้ได้ หรือหากต้องการสร้างความแตกต่าง ลองสร้างเอกลักษณ์การโพสต์ใน Instagram ให้แตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่นที่ใช้อยู่ ทั้งสำนวนภาษา แฮชแท็ก หรือตัวตนในแพลตฟอร์มนั้นๆ
3. จดสคริปก่อนจะโพสต์ เนื่องจากว่า Instagram อนุญาตให้โพสต์ข้อความได้เพียง 2,200 ตัวอักษร แต่ใช่ว่าคุณจะต้องโพสต์ให้เต็มลิมิต เพราะต่อให้โพสต์ยาวแค่ไหน ระบบก็จะแสดงเพียง 3-4 บรรทัดแรก ถ้าอยากอ่านต่อก็ต้องกด More หรือ เพิ่มเติม ซึ่งอาจทำให้ผู้บริโภครู้สึกยุ่งยาก ทางที่ดีก่อนจะโพสต์ให้ร่างข้อความใส่โพยก่อน เรียบเรียงคำให้กระชับ และเข้าใจง่ายที่สุด
4. ใช้ Call-to-Action หรือกิจกรรมต่างๆ เป็นอีกหนึ่งในวิธีที่สร้าง Engagement ได้ดีที่สุดคือ การเชิญชวน และกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดการตอบสนอง โดยเฉพาะการใช้ Call-to-Action เช่น การเยี่ยมชมเว็บไซต์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติม เป็นต้น นอกจากนี้ การจัดกิจกรรมก็มีส่วนเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการแท็กเพื่อนในคอมเม้นท์ หรือการติดแฮชแท็กเพื่อร่วมกิจกรรม
5. อย่าให้องค์ประกอบอื่นเด่นกว่าสินค้า ถ้าจะให้ดีที่สุด ควรถ่ายสินค้าโดยที่มีพื้นหลังเป็นผ้าอะไรสักอย่างหรือถ่ายกับผนังสีพื้น เพื่อให้ตัวสินค้าเด่นขึ้นมาเพียงอย่างเดียว และไม่ควรใช้ฟิลเตอร์เยอะเกินไป หรือแต่งจนเพี้ยนไปจากสีจริง ในฐานะผู้ขายสินค้า ควรถ่ายภาพให้รายละเอียด “เหมือน” กับของจริงมากที่สุด
6. ใช้ Instagram ร้านค้าไปกดไลค์กลุ่มเป้าหมายบ้าง เพียงแค่กดปุ่มเสิร์ช ก็จะมีภาพของบุคคลต่าง ๆ ในแต่ละวันขึ้นมา เราก็ใช้ Instagram ของร้านเรานี่แหละ แอบไปกดไลค์คนโน้นคนนี้ไปเรื่อย ประมาณว่า อ่อยทิ้งไว้ เผื่อมีใครผ่านมาเห็น
7. สแตนบายพร้อมรับออเดอร์เสมอ เป็นสิ่งสำคัญมากๆ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเฝ้า Line, Instagram, Facebook ตลอด24ชั่วโมงก็ได้ แต่ขอให้ติดต่อกลับลูกค้าได้เร็วที่สุด อย่าทิ้งไว้นานหลายชั่วโมงหรือข้ามวันโดยไม่มีเหตุจำเป็น ไม่อย่างนั้นเราจะเสียลูกค้าได้
You may also like
ค้นหาข่าวสารที่คุณสนใจได้ที่นี่
เรื่องล่าสุด
- ระวัง! “Nudify” แอป AI ลบเสื้อผ้าได้ ใช้เปลื้องผ้าผู้คนจากภาพถ่าย!! 29 ธันวาคม, 2023
- หลังจาก YouTube แบน Ad Blocker หลายคน Uninstall แต่หลายคน Install เยอะขึ้น 21 พฤศจิกายน, 2023
- Apple กำลังพัฒนา Search Engine เป็นของตัวเอง จะสู้ Google ได้หรือไม่! 5 ตุลาคม, 2023
- Facebook เปิดตัวโลโก้ใหม่ เปลี่ยนจนที่ใครๆต้องร้องว้าว! 25 กันยายน, 2023
- YouTube บล็อคไม่ให้เล่นคลิปแล้ว หากใช้ Ad Blocker กีดกันโฆษณาบนเบราว์เซอร์ 18 กันยายน, 2023
Facebook Comments