หลังจากที่ประธานาธิบดี ฮัสซาน รูฮานี ของอิหร่าน ได้ออกมาประกาศขึ้นราคาน้ำมัน และได้ยกเลิกมาตรการการอุดหนุนราคาน้ำมัน ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอีก 50% เมื่อวันศุกร์ ที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ประชาชนในอิหร่านจำนวนมาก ทั้งในเมืองเล็ก เมืองใหญ่กว่า 40 เมือง รวมทั้งในกรุงเตหะราน ลุกฮือออกมาชุมนุมบนท้องถนน มีการเดินขบวนในหลายสิบเมืองทั่วประเทศ เพื่อประท้วงต่อรัฐบาลด้วยความไม่พอใจที่น้ำมันขึ้นราคาสูงไปถึง 50%
และดูเหมือนว่าเหตุการณ์ชุมนุมดังกล่าวจะบานปลายออกมาเรื่อยๆ จนเกิดเหตุวุ่นวายเกิดการปะทะกับตำรวจปราบจลาจลในบางพื้นที่ มีผู้ร่วมชุมนุมถูกจับกุมนับพันคน และมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 1 ราย ทางรัฐบาลอิหร่านจึงได้ตัดสัญญาณการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเกือบทั่วประเทศเพื่อสกัดกั้นการปลุกระดมผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ตั้งแต่เย็นวันเสาร์ที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งตอนนี้อิหร่านอยู่ในภาวะออฟไลน์มานานกว่า 52 ชั่วโมงแล้ว
โดย NetBlocks องค์การเฝ้าระวังอินเทอร์เน็ตทั่วโลก เผยว่ามีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตภายในอิหร่านเหลืออยู่เพียง 5% จากระดับปกติ ขณะที่หน่วยงานข่าวกรองอินเทอร์เน็ตของบริษัท Oracle ระบุว่า อัตราการ traceroute ในอิหร่านต่ำลงอย่างมาก การประกาศเส้นทาง BGP หายไปอย่างมีนัยสำคัญ และเส้นทางไปยังเน็ตเวิร์คจำนวนมากไม่เสถียร อินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือจากผู้ให้บริการเช่น MCI, Ringtel, และ IranCell ไม่สามารถเชื่อมต่อได้
นอกจากนี้ นายอับดโลเรซา รามห์มานี ฟาซลี รัฐมนตรีมหาดไทยของอิหร่าน ได้กล่าวเตือนผู้ชุมนุมผ่านทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศว่า รัฐบาลไม่มีทางเลือก จำเป็นต้องให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเข้ามาแทรกแซงการประท้วง เพื่อนำความสงบสุขกลับคืนมาสู่บ้านเมืองโดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม มาตรการอุดหนุนราคาน้ำมันของอิหร่านนั้น เดิมประชาชนสามารถซื้อน้ำมันได้ราว 250 ลิตรต่อเดือน ในราคาเพียงลิตรละ 1 หมื่นเรียล หรือประมาณไม่ถึง 8 บาทเท่านั้น แต่ในมาตรการใหม่จะจำกัดเหลือเพียง 60 ลิตรต่อเดือนเท่านั้น ในราคาลิตรละ 15000 เรียล หรือประมาณ 10 บาท และหากใครต้องการซื้อเพิ่มนอกเหนือจากโควต้าดังกล่าว ก็จะต้องจ่ายค่าน้ำมันสูงถึงลิตรละ 3 หมื่นเรียล หรือเกือบ 22 บาท ต่อลิตร
Credit : itnews
Facebook Comments