ในการทำการตลาดในปัจจุบันนี้ไม่ได้ง่ายดายเหมือนการจ่ายเงินเพื่อแย่งพื้นที่สื่อในการลงโฆษณาเหมือนในอดีตอีกต่อไปแล้ว แน่นอนเราอาจจะยังจำเป็นต้องจ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งพื้นที่สื่ออยู่ แต่สื่อที่ว่านั้นอยู่บนโลกออนไลน์ เราอาจไม่จำเป็นต้องจ่ายแพงที่สุด เพื่อที่จะให้ได้มาซึ่งพื้นที่ที่ดีที่สุด เพราะในยุค Digital แบบนี้ การวัดผลในการทำ Digital Marketing สามารถวัดได้และคุณค่าที่เรามอบให้ลูกค้าจะเป็นตัวกำหนดอันดับของโฆษณาของเรา
ซึ่งอย่างที่เรารู้กันดีว่า Google นั้นมีวิธีการจัดอันดับเว็บไซต์โดยคำนวนมาจากปัจจัยต่างๆ มากกว่า 200 factors แต่คนทำ SEO ไม่จำเป็นต้องทำทุก Factor ก็ได้แต่ขอให้เน้นการทุ่มเทความพยายามไปที่บาง factor ที่มีความสำคัญก็จะช่วยให้มีโอกาสติดอันดับได้เหมือนกัน แต่ก็มีสิ่งต้องห้ามที่ไม่ควรทำบนเว็บไซต์ เพราะอาจส่งผลเสียต่อ Google Rank ได้ ว่าแต่ว่ามีอะไรบ้างไปดูกัน
1.ไม่รองรับ Mobile Friendly
หลักเกณฑ์ใหญ่สุดสำหรับเว็บไซต์หน้าใหม่ที่ต้องการติดอันดับหน้าแรก คือ เว็บนั้นต้องเป็น Mobile Friendly เท่านั้น คือตัวเว็บต้องแสดงผลได้ในทุกๆ อุปกรณ์ โดยเฉพาะการแสดงผลบนโทรศัพมือถือ สำหรับเว็บใดๆ ก็ตามที่มีอันดับติดหน้าแรกอยู่แล้ว หากไม่ปรับตัว แล้วมีเว็บคู่แข่งที่นำเสนอข้อมูลหรือคำตอบใกล้เคียงกัน เว็บที่ไม่ได้เป็น Mobile-Friendly จะเสี่ยงต่อการถูกปรับลดอันดับลง แล้วแทนที่ด้วยเว็บหน้าใหม่ที่แสดงผลได้ดีบนมือถืออย่างแน่นอน
2. เว็บไซต์เปิดช้า
พฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคนี้ มักไม่ชอบการรออะไรนานๆ โดยส่วนใหญ่จะไม่รอการโหลดของเว็บไซต์อีกต่อไป และเว็บไซต์ไหนที่โหลดช้าในระดับ 2 วินาทีย่อมเสียคนที่เข้ามาดูในทันทีไปให้ที่อื่นกว่า 47% ดังนั้นการออกแบบที่ดีควรต้องมีการ Optimise ภาพต่าง ๆ ให้เหมาะสมต่อการโหลดของหน้าเว็บไซต์นั้น ๆ ขึ้นมา ยิ่งเว็บไซต์ใดที่มีการโหลดได้เร็วก็จะได้รับการยกระดับจากอัลกอริทึมการค้นหาของ Google ดีขึ้นด้วย
3. มองข้ามเรื่องการจัดโครงสร้างเว็บไซต์
ผู้บริโภคชอบเว็บไซต์ที่มีดูดี สะอาด และเรียบง่าย ซึ่งจะทำให้เกิดการใช้งานที่ง่ายมาก เพราะไม่มีสิ่งที่ไม่จำเป็นอยู่ในเว็บไซต์และยังสามารถลดอัตราการหนีออกจากเว็บไซต์ได้ด้วย ซึ่งจะทำให้ Google นั้นจับว่าเว็บไซต์นี้มีคนอยู่และเข้ามาอยู่นาน ผลนั้นจะทำให้เว็บไซต์ของคุณมีอันดับที่ดีใน google ด้วย
4. มีแต่ Content พังๆ
หากเว็บไซต์ก็เปรียบเหมือนร้านค้า Content ก็เปรียบเหมือนสินค้า Content ที่มีประโยชน์และจูงใจ คือตัวช่วยสำคัญซึ่งทำให้เว็บไซต์คุณปรากฏในหน้าแรกๆง่ายขึ้น เพราะมันเป็นสิ่งที่ Google ต้องการและอยากเสนอมันแก่ผู้ค้นหาข้อมูล ยิ่ง Google นำเสนอเว็บไซต์คุณภาพเท่าไหร่ คนก็ยิ่งติดหนึบและใช้งาน Google มากเท่านั้น Content คุณภาพจึงเปรียบเหมือนเด็กเส้นที่ Google ให้ความสำคัญเป็นพิเศษเสมอ
5. การใช้ Keyword ซ้ำซาก
หลายๆ คนใช้ทางลัดโดยการให้หน้าเนื้อหาของตัวเองนั้นมี Keyword ที่ซ้ำๆ ถี่ๆ เพื่อที่จะให้ติดอันดับ SEO ได้ง่ายมากขึ้น แต่อยากจะบอกว่าการมีคำซ้ำมากๆ นั้นไม่เป็นผลดีต่อการทำ SEO ในระยะยาว เพราะผู้เยี่ยมชมนั้นจะไม่สนใจ และมองว่าเป็นเนื้อหาที่ไร้สาระ การวางแผนว่าจะวาง Keyword อยู่ที่ไหนและใช้อย่างไรนั้นเป็นก้าวแรกและก้าวสำคัญอย่างมากใน SEO การใช้ Keyword แบบดังกล่าวนั้นเป็นการทำ SEO ที่ไม่ดี ซึ่งในการทำ SEO ในลักษณะเช่นนี้เรียกว่า keyword stuffing ซึ่งวิธีการทำเช่นนี้จะทำให้ Google จับตาดูเป็นพิเศษ และถือว่าเป็นการรับทำ SEO แบบสายดำอีกด้วย
6. ไม่ใส่ใจในการตั้งชื่อหัวข้อ และรูปภาพ
การตั้งชื่อหัวข้อให้น่าสนใจและชัดเจนเพียงพอที่จะครอบคลุมเนื้อหา อาจจะใช้ Keyword บางคำเข้ามาเสริมในชื่อหัวข้อ เพื่อให้ชื่อหัวข้อชัดเจนมากยิ่งขึ้นก็ได้ และรูปภาพหนึ่งภาพสามารถแทนคำได้เป็นล้านคำ เพราะฉะนั้นการใส่ภาพเข้าไปใน Content จะช่วยทำให้ผู้อ่านเข้าใจในบทความได้มากยิ่งขึ้น การใส่ alt tag หรือคำอธิบายภาพจะช่วยให้ Google สามารถค้นหารูปพวกนั้นได้ง่าย การตั้งชื่อภาพให้เหมือนหรือใกล้เคียงกับคีเวิร์ดที่ใช้ค้นหาก็จะช่วยให้อันดับเว็บไซต์ของคุณเพิ่มขึ้นได้ ทำให้จำนวนผู้ชมเว็บไซต์เพิ่มขึ้น
7. มี pop up มากเกินจำเป็น
Pop up จะช่วยสร้างการรับรู้หรือทำให้ผู้บริโภคนั้นเห็นสิ่งที่นักการตลาดต้องการจะให้เจอเลยทีเดียว ซึ่งในแง่หนึ่งก็มีประโยชน์อย่างมาก แต่ถ้าใช้ pop up มากเกินไปนั้นจะกลับกลายเป็นอันตรายอย่างมาก อาจจะทำให้เกิดความน่ารำคาญต่อคนที่เข้ามาในเว็บไซต์และจะใช้งานเว็บไซต์นั้น ๆ มีแต่ pop up โผล่ขึ้นมากวนใจตลอดเวลา สร้างประสบการณ์ที่แย่ในการใข้งานในทันที และทำให้คนนั้นออกจากเว็บไซต์เร็วขึ้นไปอีก ส่งผลต่ออันดับการขึ้นของ Google rank ทันที
Facebook Comments
Leave a Reply