ในเนื้อหาวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่อง ราคาในการรับทำเว็บไซต์ เพราะคิดว่าลูกค้าทุกคนต่างก็อยากรู้ว่า ราคาในการจัดทำเว็บไซต์ที่เสนอไป ทำไมถึงคิดราคานี้ เขามีวิธีการคิดราคาค่าออกแบบ ค่าพัฒนาอย่างไร
ทุกวันนี้จะเห็นว่ามีหลากหลายเว็บไซต์มาก ที่รับทำเว็บไซต์ แล้วราคาก็แตกต่างกันมาก ตั้งแต่ราคาหลักพัน หลักหมื่น จนถึงหลักแสน มีมากกว่านั้นอีกก็หลักล้านครับ ทีนี้คำถามคือ แล้วเว็บไซต์ มันควรจะราคาเท่าไหร่?
วิธีการคิดราคาเว็บไซต์นั้นมีวิธีการประเมินหลายแบบ ถ้าเอาแบบง่ายๆ ก็จะเป็น “แบบเหมา” คือได้โปรเจ็คหนึ่งมา ก็นั่งคำนวณดูว่าโปรเจ็คระดับนี้จะเหมาทำเท่าไหร่ กับอีกแบบคือ “แบบชั่วโมงทำงาน” สำหรับรูปแบบนี้จะเหมาะกับงานที่คาดการณ์ว่าจะมีเพิ่มมาเรื่อยๆ หรือรีไควเม้นท์ไม่นิ่ง
แต่จริงๆแล้วมันมีรายละเอียดปลีกย่อยอีก ด้านบนมันแค่หลักการคร่าวๆ เพราะถ้าเอาง่ายๆ แบบเหมา ราคาควรเป็นเช่นไร?
- เมื่อได้โปรเจ็คทำเว็บไซต์มา จะต้องแบ่งออกก่อนว่า เป็นโปรเจ็คที่เป็นของ “รัฐ” หรือ “เอกชน” สองภาคส่วนนี้มีความแตกต่างกันมาก อย่างของรัฐ คนที่มีอำนาจในการตัดสินใจมีหลายคนมาก ประชุมกันบ่อยๆ ทีละหลายคน และต้องมีเครดิตการจ่ายเงินอย่างน้อย 1 เดือน หมายความว่า ส่งโปรเจ็คไปแล้ว ต้องรอไป 1 เดือน ถึงจะได้ค่าโปรเจ็ค ดังนั้นก็หมายความว่าระหว่างที่รอรับเงิน เราจะมี “ต้นทุนค่าเสียโอกาส” ทำให้ราคาในการจัดทำเว็บไซต์ของรัฐบาล จะต้องคิดราคาที่สูงขึ้น เพราะจะต้องบวกค่าเวลาลงไปด้วย
- ฟังก์ชั่นการทำงาน เว็บที่มีฟังก์ชั่นน้อยก็ราคาหนึ่ง เว็บไซต์ไหนต้องมีการเขียนโปรแกรมเพิ่มขึ้นอีก ก็คิดราคาบวกเข้าไป หลายคนอาจจะสงสัยว่า บางเว็บไซต์ก็มีการทำงานเหมือนเว็บที่เคยทำมาแล้ว ทำไมเว็บไซต์ใหม่ถึงคิดราคาเท่านี้ อาชีพคนพัฒนาเว็บไซต์อย่างโปรแกรมเมอร์คืออาชีพขายโปรแกรมด้วยส่วนหนึ่ง แม้จะเป็นโปรแกรมที่มีอยู่แล้ว แต่เวลาลูกค้ามาใช้บริการก็คือมาขอซื้อโปรแกรมตัวนั้นไปใช้นั่นเอง เรียกได้ว่ามันเป็นสินค้าของคนสายพัฒนาเว็บไซต์นั่นเอง
- “ระยะเวลา” ว่าโปรเจ็คที่ได้รับมา ต้องส่งมอบตอนไหน บางเว็บไซต์ต้องการด่วนมาก ขอภายในสองอาทิตย์ เมื่อเปรียบเทียบกับเว็บไซต์ที่มีความสามารถเท่ากัน แต่อีกตัวใช้เวลาสองเดือน แน่นอนว่า เว็บไซต์ที่ต้องการด่วนมาก ด่วนที่สุด ก็ต้องราคาแพงขึ้นมา เพราะว่ามีเงื่อนไขของเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง อยากได้ด่วนนั้น สามารถทำให้ได้ แต่ก็ต้องมีบวกค่าด่วนเข้าไปด้วย
- สมัยนี้การทำเว็บไซต์ก็มีตัวแปรเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอีกมากมาย เพียงแค่ไม่กี่ปี สายงานพัฒนาเว็บไซต์ก็ต้องศึกษากันตลอดเวลา เว็บไซต์เดี๋ยวนี้จะต้องรองรับทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ แทบเล็ด และมือถือ แล้วยังต้องรองรับเบราว์เซอร์ที่มาตรฐานตามความต้องการลูกค้าอีก ไม่ว่าจะเป็น IE, Firefox, Chrome ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้มันก็ต้องใช้เวลาเพิ่ม อย่างการออกแบบเว็บไซต์ เว็บนึง อย่างน้อยต้องคิดถึงสามเวอร์ชั่น คือเวอร์ชั่น mobile เวอร์ชั่น tablet และเวอร์ชั่น Desktop เว็บไซต์เดียว แต่เหมือนกับทำสามเว็บเลยทีเดียว
เมื่อเราได้โปรเจ็คมาแล้ว วิเคราะห์ตัวแปรต่างๆ แล้ว ก็มาเริ่มคิดเป็นมูลค่าเป็นตัวเลขกัน
ทำการประเมินงานเป็นชั่วโมงทำงาน จากนั้นก็จะคำนวณว่าระยะเวลาเท่านี้คูณด้วยค่าตัวต่อชั่วโมง ก็จะได้ค่าทำเว็บนั้นออกมาเสนอลูกค้า ยกตัวอย่างเช่น เราคิดค่าบริการชั่วโมงทำงาน ชั่วโมงละ 700 บาท ถ้าโปรเจ็คนั้นต้องใช้เวลาในการพัฒนา 50 ชั่วโมง ก็จะได้ 700*50 = 35,000 บาท ทีนี้ก็มาดูอีกว่า เป็นโปรเจ็คภาครัฐหรือเปล่า ถ้าใช่ ก็จะบวกค่าต้นทุนเรื่องเวลาไปด้วยก็จะได้ราคาที่สูงกว่า 35,000 บาทขึ้นไปอีก
เคยเห็นว่าที่ๆ รับทำเว็บราคาถูก เช่น 3,000 บาท ทั้งออกแบบทั้งระบบ ก็ไม่แน่ใจว่า 3,000 บาท นี้คุ้มทุนหรือเปล่า เพราะปกติแค่ออกแบบก็ใช้เวลามากอยู่แล้ว บางรายรับงานมา 20,000 บาท แต่ใช้เวลาทำนาน 4 เดือน หารแล้วได้รายได้เดือนละ 5,000 บาทเอง เดือนละ 5,000 ไม่น่าจะอยู่ได้ ต่ำกว่ารายได้ขั้นต่ำอีก
เข้าใจดีว่า ลูกค้าทุกคนต่างก็อยากรู้ว่า ราคาในการจัดทำเว็บไซต์ที่เราเสนอไป ทำไมถึงคิดราคานี้ มีเกณฑ์อย่างไร จึงอยากอธิบายให้เข้าใจ ว่าสายอาชีพในการพัฒนาเว็บไซต์นั้นมีวิธีการคิดราคาอย่างไร ซึ่งเท่าที่ทำเว็บไซต์มา ลูกค้าหลายๆ ท่านก็รับได้กับราคาที่เสนอไป
ราคาถูกลงไม่ได้ดีเสมอไป
จากประสบการณ์ที่เคยพบมา ราคาถูกนั้นเป็นเรื่องที่ดี เพราะทุกคนต่างก็อยากได้ของราคาถูก แต่การคิดราคาถูกโดยไม่มีเหตุผล ขอแค่ถูกกว่าเจ้าอื่น เพราะคิดว่าไม่ได้ลงทุนอะไร แต่ก็ไม่ได้หมายถึงต้องราคาแพง หมายถึงให้คิด “แบบมีเหตุผล มีที่มาที่ไป” มากกว่า
Facebook Comments