เมื่อผู้บริโภคเปลี่ยนไป ร้านค้าปลีกก็ต้องเปลี่ยนตาม เพื่อตอบโจทย์ทุกการซื้อ-ขาย ผู้บริโภคส่วนใหญ่หันไปซื้อของผ่านทางออนไลน์กันมากขึ้น ซึ่งจากผลสำรวจในปัจจุบันพบว่า ช่องทางที่ขายดีที่สุดอันดับแรกคือร้านค้าออนไลน์ถึง 79% รองลงมาคือเว็บไซต์ 73% และผ่านทางมือถือ 24% ซึ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเพราะมือถือเข้าถึงคนมากขึ้น ในขณะที่ร้านค้าปลีกขายได้เพียง 21% ทั่วโลก อันดับสุดท้ายคือแคดตาล็อกโปรโมทสินค้าและอื่นๆอยู่ที่ 18% ซึ่งไม่ห่างจากร้านค้าปลีกเท่าไรนัก แล้วจะมีหนทางใดบ้างที่จะทำให้ร้านค้าปลีกยังอยู่ได้และสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า วันนี้ atimeNEWS มีกลยุทธ์ง่ายๆ ไม่ต้องใช้งบประมาณเยอะมาฝาก
เริ่มต้นด้วยพัฒนาร้านค้าของคุณ การบริหารจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรที่มีจำกัดให้เป็นประโยชน์ ปรับปรุงและพัฒนากิจการของตนเองให้มีความทันสมัยมากขึ้น ลดจุดด้อย เพิ่มจุดแข็ง โดยคำนึงถึงความต้องการของลูกค้า การจัดหาสินค้าที่หลากหลาย มีความต่อเนื่องในการหาสินค้าเข้าร้าน อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า การใช้พื้นที่ภายในร้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้การจัดร้านควรจัดให้มีแสงสว่างเพียงพอทั่วทั้งร้าน มีอากาศปลอดโปร่ง ไม่มีมุมอับ เพื่อที่จะทำให้ร้านค้าดูน่าเข้าและร้านค้าเองก็จะได้ใช้พื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัด ให้ได้ประโยชน์สูงสุดด้วย
ต่อมาก็เป็นการเพิ่มช่องทางในการค้าขาย โดยการขยายช่องทางนั้นก็มีมากมายหลายวิธี แต่วิธีที่ง่ายและใช้งบประมาณน้อยที่สุดก็คือ “การเปิดเว็บไซต์รองรับมือถือ” ถึงแม้ว่าร้านค้าที่มีหน้าร้านจะเป็นช่องทางปกติในการซื้อของ แต่บนมือถือก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ลูกค้าจะเปิดดูและซื้อของได้เหมือนกัน และกลยุทธ์ร้านค้าบนมือถือก็ไม่ได้หมายความว่าต้องมีแอพพลิเคชั่นแพงๆ แค่พัฒนาเว็บไซต์ให้เปิดบนมือถือได้ มีเว็บไซต์ใช้งานง่าย สะดวกไม่ติดขัดเวลาเปิดดูและซื้อของก็เกินพอแล้ว
และเมื่อมีร้านค้าบนมือถือแล้วจะทำยังไงให้หน้าร้านของคุณยังอยู่รอด เพราะถึงแม้ว่าร้านค้าออนไลน์จะขายดีที่สุด แต่ก็มีคนอีกมากที่ยังต้องการจะได้เห็นได้จับสัมผัสสินค้าก่อนที่จะซื้อและชอบบรรยากาศในห้างอยู่ การอบรมฝึกฝนพนักงานในร้านจึงยังจำเป็นอยู่ ให้พนักงานได้รู้จักสินค้าในร้าน การลงทุนในคนก็ยังคุ้มค่าอยู่ เพราะจะทำให้ขาช็อปรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนพิเศษในร้านค้า นี่จึงกลายเป็นจุดแข็งของร้านค้าปลีกเจ้าเก่าที่ร้านค้าออนไลน์ไม่มี
Credit : ecommerceiq
Facebook Comments