[How to] โฆษณาใน Facebook อย่างไรให้ราคาถูกลง
การโฆษณาที่มีค่าใช้จ่ายต่ำที่สุดย่อมเป็นสิ่งที่ผู้ลงโฆษณาทุกคนต้องการเป็นอย่างยิ่ง การลดค่าโฆษณานั้นหมายถึงการลดต้นทุนที่เราต้องจ่ายให้กับการขายสินค้าให้เหลือน้อยลงไปด้วย ฉะนั้น วันนี้ atimeNEWS มี 4 ปัจจัยที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการโฆษณาบน Facebook ลงได้ แต่ไม่ใช่แค่การปรับข้อใดข้อหนึ่งเท่านั้น ควรจะปรับทั้ง 4 ข้อไปพร้อมๆ กันเลย
1. ตำแหน่งของโฆษณา Placement
การทำโฆษณาใน Facebook การเลือกตำแหน่งของโฆษณาเป็นสิ่งสำคัญ เพราะแต่ละตำแหน่งของโฆษณามักจะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน แน่นอนว่าตำแหน่งที่โฆษณาจะเกิด Engagement มากที่สุดมักจะเกิดขึ้นในตำแหน่ง News feed แต่ราคาที่จะต้องจ่ายก็ย่อมสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งหากเราลองเอาโฆษณาไปแสดงใน Right Column กับ Audience Network ก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายลงได้มาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องบาลานซ์ให้ดีด้วยระหว่างราคาที่ต้องจ่ายกับผลลัพธ์ที่ได้รับกลับมา
2. เลือกกลุ่มเป้าหมายที่ตรงกับสินค้า
ผู้ใช้ Facebook แต่ละคนมีความสนใจไม่เหมือนกัน ถ้าเราจ่ายเงินเพื่อเอาโฆษณาที่ไม่ตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมายไปแสดงให้เขาเห็น เขาก็จะเลื่อนจอหนีไป ไม่มีใครได้รับประโยชน์จากเหตุการณ์แบบนี้ การเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ดีจะส่งผลต่อ Engagement ที่เกิดขึ้นกับตัวโฆษณาด้วย ยิ่งโฆษณามี Positive Feedback ที่ดีก็ยิ่งส่งผลให้โฆษณาชิ้นนั้นมี Relevance Score ที่สูงขึ้นตามไปด้วยและจะทำให้เราจ่ายโฆษณาต่อหน่วยน้อยลง นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าการกำหนดกลุ่มเป้าหมายคืองานที่กินเวลาเกือบ 70% ของการสร้าง Ad set
3. สร้างโฆษณาที่คนอยากมีส่วนร่วม
ยิ่งโฆษณามีการโต้ตอบ หรือมีการเข้าถึงมากแค่ไหนก็จะยิ่งเป็นผลดีเท่านั้น เพราะ Relevance Score นั้นคิดมาจาก Feedback ที่ได้รับจากโฆษณา และการที่โฆษณามีคนกดไลค์ แชร์ แสดงความคิดเห็น คลิกเข้าไปอ่านต่อ กดปุ่ม Call to action และอื่นๆ นั่นแสดงถึงความน่าสนใจของตัวโฆษณาที่มีต่อคนที่เห็นด้วย และ Facebook ก็จะให้รางวัลกับโฆษณาที่ดีด้วยการเพิ่ม Relevance Score ให้สูงยิ่งขึ้น
4. ควบคุมการทำ Ad Delivery ให้ดี
อีกหนึ่งสิ่งที่ส่งผลต่อราคาที่ต้องจ่ายค่าโฆษณาก็คือการเซ็ตอัพส่วน Ad Delivery ให้เหมาะสม เวลาเราสร้าง Ad set เรามีตัวเลือกว่าจะให้ระบบกระจายโฆษณาของเราอย่างไร ซึ่งเป็นการกำหนดพฤติกรรมในการทำ Distribution ของโฆษณาที่อยู่ภายใน Ad set นั้น ถ้าเราทำโฆษณาโดยใช้ Objective แบบ Click to Website แต่เลือก Ad Delivery เป็น Impression นั่นจะทำให้โฆษณาแสดงมาก แต่ได้รับคลิกกลับมาน้อย พอคิดราคารวมออกมาเป็น CPC ก็จะพบว่าราคาต่อคลิกนั้นแพงมากๆ
You may also like
ค้นหาข่าวสารที่คุณสนใจได้ที่นี่
เรื่องล่าสุด
- ระวัง! “Nudify” แอป AI ลบเสื้อผ้าได้ ใช้เปลื้องผ้าผู้คนจากภาพถ่าย!! 29 ธันวาคม, 2023
- หลังจาก YouTube แบน Ad Blocker หลายคน Uninstall แต่หลายคน Install เยอะขึ้น 21 พฤศจิกายน, 2023
- Apple กำลังพัฒนา Search Engine เป็นของตัวเอง จะสู้ Google ได้หรือไม่! 5 ตุลาคม, 2023
- Facebook เปิดตัวโลโก้ใหม่ เปลี่ยนจนที่ใครๆต้องร้องว้าว! 25 กันยายน, 2023
- YouTube บล็อคไม่ให้เล่นคลิปแล้ว หากใช้ Ad Blocker กีดกันโฆษณาบนเบราว์เซอร์ 18 กันยายน, 2023
Facebook Comments